การดำเนินงานและฐานะการเงิน

ภาพรวมของผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

ในปี 2560 ภาพรวมการก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาจะลดลง เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ และภาวะ ซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่วนงานในต่างประเทศที่ประเทศเมียนมาร์ในปี2560 เริ่มดีขึ้น ถึงแม้ภาพรวมการก่อสร้างจะลดลง แต่ผลการ ดำเนินงานทำให้กลุ่มบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 35.25 โดยในปี2560 มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 212 ล้านบาท

ในปี 2561 สภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามแผนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ นอกจากนี้ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในช่วงของการเร่งพัฒนาประเทศมีการขยายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานต่างประเทศในประเทศ เมียนมาร์ในปี 2561 ดำเนินงานไปค่อนข้างดี ทำให้กลุ่มบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปี2560 ร้อยละ 74.61 โดยในปี 2561 มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 368 ล้านบาท

ในปี 2562 สภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวไม่มากนัก ผลมาจากการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเติบโตตามเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมือง ส่วนงานต่างประเทศในประเทศเมียนมาร์ในปี 2562 ดำเนินงานไปค่อน ข้างดี ทำให้กลุ่มบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 11.22 โดยในปี2562 มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 410 ล้านบาท

ส่วนแบ่งตลาด

ส่วนแบ่งตลาด จัดเก็บรวบรวมข้อมูลมาจากกระทรวงพาณิชย์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีข้อมูลดังนี้

ส่วนแบ่งตลาด 2559 2560 2561
มูลค่าตลาดรวมที่รวบรวมได้ (ล้านบาท) 5,890 6,162 9,141
เป็นส่วนของบริษัท (ร้อยละ) 31 29 30

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงพาณิชย์มีถึงปี 2561

ในการเก็บข้อมูลนี้พบว่าอาจมีการคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับฐานรายได้เพราะการรับงานนั้นบางครั้งรับงานเฉพาะค่าแรงและเครื่องจักร รายได้ก็จะต่ำลง ถ้ารับงานประเภทรวมค่าแรง,เครื่องจักรและค่าวัสดุหลัก มูลค่างานจะสูงขึ้น รายได้ก็จะสูงขึ้น โดยอัตราส่วนการรับงานของ บริษัทในปี 2560 ถึง 2562 รับเฉพาะค่าแรงคิดเป็นอัตราร้อยละ 38,48 และ 41 ตามลำดับ ส่วนงานที่รับค่าแรงรวมวัสดุหลัก คิดเป็นอัตราร้อย ละ 58,52 และ 59 ตามลำดับ ซึ่งถ้าในปีใดมีการรับงานในส่วนของค่าแรงรวมวัสดุหลักในอัตราที่สูง จะส่งผลให้มูลค่างานของบริษัทสูงขึ้น ดังนั้น มูลค่าตลาดรวมที่รวบรวมมานี้พอเป็นแนวทางในการพิจารณาเท่านั้น

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน

(ก) รายได้

รายได้ของกลุ่มบริษัทประกอบด้วยรายได้จากการรับจ้าง ได้แก่ รายได้ค่าบริการเสาเข็มเจาะ รายได้งานกำแพงกันดิน รายได้ ค่าก่อสร้างงานโครงสร้างโยธา งานฐานราก รายได้บริการทดสอบเสาเข็ม รายได้ค่าบริการอื่นๆ และรายได้อื่นนอกเหนือจากการดำเนินงาน เช่น กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน, ดอกเบี้ยรับ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

ในปี 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้หลักจากการบริการ 2,765 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้งานเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดิน (รับเฉพาะค่าแรง) ร้อยละ 42 รายได้งานเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดิน(รับงานรวมวัสดุหลัก) ร้อยละ 52 และรายได้จากงานต่างประเทศร้อยละ 6

รายได้ในปี 2561 เมื่อเทียบกับปี2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 939 ล้านบาท ร้อยละ 51.41 ซึ่งมาจากการรับงานในส่วนที่รับ ค่าแรงรวมวัสดุหลัก ในปี2560 อยู่ที่ร้อยละ 58 ของรายได้หลัก ส่วนในปี2561 อยู่ที่ร้อยละ 52 ของรายได้หลัก

ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีรายได้หลักจากการบริการ 3,032 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้งานเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดิน (รับเฉพาะค่าแรง) ร้อยละ 38 รายได้งานเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดิน(รับงานรวมวัสดุหลัก) ร้อยละ 58 และรายได้จากงานต่างประเทศร้อยละ 4

รายได้ในปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 เพิ่มขึ้นจำนวน 267 ล้านบาท ร้อยละ 9.64 ซึ่งมาจากการรับงานในส่วนที่รับค่าแรงรวม วัสดุหลัก ในปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ58 ของรายได้หลัก ส่วนในปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 51 ของรายได้หลัก

รายได้แยกตามแหล่งที่มาของรายได้ 2560 2561 2562
จากแหล่งงานภาครัฐ (ร้อยละ) 36 45 29
จากแหล่งงานภาคเอกชน (ร้อยละ) 64 55 71

(ข) ต้นทุนและค่าใช้จ่าย

ต้นทุนงานรับจ้าง

ต้นทุนงานรับจ้างประกอบด้วย ค่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ค่าจ้างแรงงาน ค่าเชื้อเพลิง ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายในการผลิตอื่นๆ

ต้นทุนงานรับจ้างปี 2561 เท่ากับ 2,140 ล้านบาท เทียบกับปี 2560 เท่ากับ 1,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.40 อันมีผลมาจากการรับงานประเภทค่าแรงรวมวัสดุหลักเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 33 ของรายได้หลักจากการบริการ

ต้นทุนงานรับจ้างปี 2562 เท่ากับ 2,387 ล้านบาท เทียบกับปี 2561 เท่ากับ 2,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.52 อันมีผลมา จากการรับงานประเภทค่าแรงรวมวัสดุหลักเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 25 ของรายได้หลักจากการบริการ

ค่าใช้จ่ายในการบริหารและอื่น ๆ

ค่าใช้จ่ายในการบริหารของปี 2561 เท่ากับ 193 ล้านบาท เทียบกับปี2560 เท่ากับ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.67 ส่วนที่ เพิ่มจำนวนมาจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นและการจัดประเภทรายการใหม

ค่าใช้จ่ายในการบริหารของปี 2562 เท่ากับ 158 ล้านบาท เทียบกับปี2561 เท่ากับ 202 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.16 ส่วนที่ ลดลงจำนวนมากจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นและการจัดประเภทรายการใหม่

หนี้สูญ

ในปี 2561 บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญและยังได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ตั้งสำรองไว้จำนวน 59 ล้านบาท

ในปี 2562 บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญและยังได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ตั้งสำรองไว้จำนวน 6.98 ล้านบาท

กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ

ในปี 2561 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 625 ล้านบาท เทียบกับปี 2560 มีกำไรขั้นต้น 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291 ล้านบาท คิดเป็นร้อย ละที่เพิ่ม 87.20 ซึ่งมีผลมาจากการการรับงานโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนและโครงสร้างพื้นฐาน

ในปี 2562 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 645 ล้านบาท เทียบกับปี 2561 มีกำไรขั้นต้น 625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท คิดเป็นร้อย ละที่เพิ่ม 3.21 ซึ่งมีผลมาจากการการรับงานโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนและโครงสร้างพื้นฐาน

ในปี 2561 บริษัทมีกำไรส่วนที่เป็นบริษัทใหญ่เท่ากับ 368 ล้านบาท เทียบกับปี 2560 มีกำไรส่วนที่เป็นบริษัทใหญ่เท่ากับ 211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละที่เพิ่ม 74.61 ซึ่งมีผลมาจากในปี2561 มีรายได้จากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

ในปี 2562 บริษัทมีกำไรส่วนที่เป็นบริษัทใหญ่เท่ากับ 410 ล้านบาท เทียบกับปี 2561 มีกำไรส่วนที่เป็นบริษัทใหญ่เท่ากับ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละที่เพิ่ม 11.22 ซึ่งมีผลมาจากในปี2562 มีรายได้จากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

การลงทุนในเครื่องจักร

การลงทุนในปี 2561 มีจำนวนเงิน 663 ล้านบาท เป็นการซื้อรถเครน, เครื่องเจาะและเครื่องทำกำแพงกันดิน โดยเป็นการซื้อเข้า มาแทนของเก่า และ เพื่อรองรับการขยายงานที่เพิ่มขึ้น

การลงทุนในปี 2562 มีจำนวนเงิน 442 ล้านบาท เป็นการซื้อรถเครน, เครื่องเจาะและเครื่องทำกำแพงกันดิน โดยเป็นการซื้อเข้า มาแทนของเก่า และ เพื่อรองรับการขยายงานที่เพิ่มขึ้น

ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

เนื่องมาจากผลประกอบการเพิ่มขึ้น จึงทำให้กำไรเบ็ดเสร็จเพิ่มขึ้น

ในปี 2561 กลุ่มบริษัทมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 25 อันเนื่องมาจากผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้น จึงทำให้กำไรเบ็ดเสร็จเพิ่มขึ้น

ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 25 อันเนื่องมาจากผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้น จึงทำให้กำไรเบ็ดเสร็จเพิ่มขึ้น

การวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน

สรุปสินทรัพย์รวมและหนี้สินของกลุ่มบริษัท

สินทรัพย์

สินทรัพย์รวมของปี 2560, 2561 และ 2562 เท่ากับ 2,466 ล้านบาท, 2,993 ล้านบาท และ 3,167 ล้านบาท

ในปี 2561 เทียบกับปี 2560 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 527 ล้านบาท ในส่วนของสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท อันเนื่องมา จากเงินลงทุนชั่วคราว 81 ล้านบาท และมีรายได้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท และเงินจ่ายล่วงหน้าค่าจ้างและซื้อสินค้า 12 ล้านบาท และในส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 451 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 509 ล้านบาท และ สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท อันเนื่องมาจากสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญช

ในปี 2562 เทียบกับปี 2561 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 174 ล้านบาท ในส่วนของสินทรัพย์หมุนเวียนลดลง 50 ล้านบาท อันนื่องมาจาก เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 156 ล้านบาท เงินลงทุนชั่วคราว 48 ล้านบาท และมีรายได้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระเพิ่มขึ้น 151 ล้านบาท และ เงินจ่ายล่วงหน้าค่าจ้างและซื้อสินค้า 12 ล้านบาท และในส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 224 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท และลูกหนี้เงินประกันผลงานขึ้น 55 ล้านบาท อันเนื่องมาจากสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 18 ล้านบาท

หนี้สินรวม

หนี้สินรวมของปี 2560, 2561 และ 2562 เท่ากับ 1,270 ล้านบาท, 1,586 ล้านบาท และ 1,531 ล้านบาท ซึ่งในปี 2561 และปี 2562 จะอยู่ที่เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นและเงินกู้ระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ โดยเจ้าหนี้การค้าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของการ รับงาน ซึ่งถ้าในปีใดมีอัตราส่วนของการรับงานแบบค่าแรงรวมวัสดุหลักสูงขึ้น ก็จะทำให้เจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น และถ้าในปีใด มีอัตราส่วนการรับ งานเฉพาะค่าแรงสูงขึ้นก็จะทำให้ส่วนของเจ้าหนี้การค้าลดลง

ในปี 2561 เทียบกับปี 2560 มีจำนวนหนี้สินเพิ่มขึ้น 316 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 182 ล้านบาท และมีส่วนของเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี 78 ล้านบาท เงินรับล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้างและรายได้ค่าก่อสร้างรับล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 65 ล้านบาท ส่วนอีก 13 ล้านบาทเป็นเจ้าหนี้ผ่อนชำระค่าเครื่องจักร

ในปี 2562 เทียบกับปี2561 มีจำนวนหนี้สินลดลง 55 ล้านบาท เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินเพิ่ม ขึ้น 170 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นลดลง 224 ล้านบาท และมีส่วนของเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระ ภายในหนึ่งปีลดลง 32 ล้านบาท เงินรับล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้างและรายได้ค่าก่อสร้างรับล่วงหน้าลดลง 72 ล้านบาท ส่วนอีก 25 ล้านบาทเป็นเจ้าหนี้ผ่อนชำระค่าเครื่องจักร

เงินกู้ระยะยาว

ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเพราะเป็นการกู้จากธนาคาร และทำลิสซิ่งเพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องจักรที่สั่งซื้อเข้ามาเพื่อรองรับการขยายงาน

ในปี 2562 ลดลงเพราะมีการชำระคืนเงินกู้จากธนาคาร และทำลิสซิ่งเพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องจักรที่สั่งซื้อเข้ามาเพื่อรองรับการขยายงาน

ส่วนของผู้ถือหุ้น

ส่วนของผู้ถือหุ้นปี2560,2561 และ 2562 เท่ากับ 1,196 ล้านบาท, 1,407 ล้านบาท และ 1,637 ล้านบาท ในส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นทุกปีอันเนื่องมาจากผลการดำเนินงานมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง

สภาพคล่อง

ในปี 2561 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เท่ากับ 1.13 เท่า ในปี 2560 เท่ากับ 1.06 เท่า ที่เพิ่มขึ้นเพราะ ในปี 2561 ได้มีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มขึ้นจึงทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์เพราะการทำสัญญากับเจ้าหนี้เงินกู้จะต้องรักษาระดับไม่ได้เกิน 1.5 เท่า และในส่วนอัตราส่วนของ Net Gearing ของปี 2561 เท่ากับ 0.22 เท่า และในปี 2560 เท่ากับ0.19 เท่า ซึ่งก็แสดงว่าสภาพคล่องในส่วนของหนี้เงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินอยู่ในอัตราส่วนที่สูงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงรักษาระดับไว้

ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เท่ากับ 0.94 เท่า ในปี 2561 เท่ากับ 1.13 เท่า ที่ลดลงเพราะใน ปี 2562 ได้มีการชำระหนี้จึงทำให้มีหนี้สินลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์เพราะการทำสัญญากับเจ้าหนี้เงินกู้จะต้องรักษาระดับไม่ได้เกิน 1.5 เท่า และในส่วนอัตราส่วนของ Net Gearing ของปี2562 เท่ากับ 0.41 เท่า และในปี 2561 เท่ากับ 0.22 เท่า ซึ่งก็แสดงว่าสภาพคล่องในส่วนของหนี้เงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินอยู่ในอัตราส่วนที่สูงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงรักษาระดับไว้

แหล่งที่มาของเงินทุน

ในปี 2560 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินรวม 1,270 ล้านบาท เป็นหนิ้สินหมุนเวียน 1,063 ล้านบาท และหนี้สินระยะยาวเท่ากับ 207 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทยังมาจากสถาบันการเงินและจากเจ้าหนี้การค้า

ในปี 2561 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินรวม 1,586 ล้านบาท เป็นหนิ้สินหมุนเวียน 1,200 ล้านบาท และหนี้สินระยะยาวเท่ากับ 386 ล้าน บาท ซึ่งแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทยังมาจากสถาบันการเงินและจากเจ้าหนี้การค้า ในปี2561 มีการจัดประเภทรายการใหม

ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินรวม 1,531 ล้านบาท เป็นหนิ้สินหมุนเวียน 1,080 ล้านบาท และหนี้สินระยะยาวเท่ากับ 451 ล้าน บาท ซึ่งแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทยังมาจากสถาบันการเงินและจากเจ้าหนี้การค้า

ค่าตอบแทนการจากการสอบบัญชีและการสอบทานงบการเงิน

ในปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อย จ่ายค่าตอบแทนการสอบบัญชีให้แก่บริษัท บัญชีกิจ จำกัด ดังต่อไปนี้

ชื่อบริษัทผู้จ่าย ชื่อผู้สอบบัญชี ค่าสอบบัญชี ปี 2561 ค่าสอบบัญชี ปี 2562
บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) นายธนากร ฝักใฝ่ผล 1,650,000 1,585,000
บริษัท ซีฟโก้ คอนสตรัคชั่น จำกัด นายธนากร ฝักใฝ่ผล 90,000 95,000
บริษัท ซีฟโก้ อินเตอร์เทรด จำกัด นายธนากร ฝักใฝ่ผล 300,000 300,000
รวมค่าสอบบัญชี   2,040,000 2,100,000
ค่าบริการอื่นๆ (Non audit fee)   - -
รวมค่าตอบแทนผู้สอบบัญชี   2,040,000 2,100,000